Responsive image

Wednesday, 15 May 2024

Tags ที่คล้ายกัน "������������������������ ������������������"

- ไม่มีรายการ -

Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

เป็นเวลากว่า 20 ปีที่กรุงเทพประกันชีวิต และ ธนาคารกรุงเทพ ได้ร่วมกันให้บริการวางแผนความคุ้มครองและการออมผ่านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต เพื่อสร้างความสำเร็จให้ลูกค้ากว่า 1.2 ล้านราย  จนเป็นที่มาของการจัดงาน Age of Happiness: Thank You Event for Our Valued Customers เพื่อแสดงความขอบคุณลูกค้าธนาคารกรุงเทพที่ให้ความไว้วางใจให้ทั้งสององค์กรได้มีส่วนในการสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่น ให้บรรลุเป้าหมายของแต่ละครอบครัว โดยในงานได้รับเกียรติจากคุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยคุณโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารระดับสูงจากสององค์กรร่วมให้การต้อนรับลูกค้าที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรม ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ความสำคัญของงาน Age of Happiness: Thank You Event for Our Valued Customers ยังตอกย้ำถึงพลังความร่วมมือระหว่างสององค์กรที่ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่เหมาะสมให้กับลูกค้าจนเป็นที่ยอมรับและไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้ามาอย่างยาวนานผ่าน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตพ Credit 1st สำหรับคุ้มครองสินเชื่อธุรกิจ และ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต Home 1st คุ้มครองสินเชื่ออยู่อาศัย นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์ Gain 1st  ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และได้รับความไว้วางใจในการทำประกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง   (ภาพจากซ้าย) คุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) , คุณโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) “ผมขอขอบคุณลูกค้าที่มอบความไว้วางใจให้ธนาคารกรุงเทพและกรุงเทพประกันชีวิต ได้ดูแลความมั่นคงและธุรกิจของครอบครัวของท่านตลอดมา และเราพร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างเพื่อสนับสนุนลูกค้าทุกท่านให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินของครอบครัวและของธุรกิจ รวมถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดี” คุณชาติศิริกล่าว และด้วยวิสัยทัศน์ของ ธนาคารกรุงเทพ ที่มุ่งเป็นธนาคารที่ให้บริการด้านการเงินที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ภายใต้เจตนารมณ์ที่จะเป็น “เพื่อนคู่คิดมิตรคู่บ้าน”  ที่ตระหนักถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความมั่นคงของครอบครัว การสั่งสมและส่งต่อ Wealth จากรุ่นสู่รุ่น ไปจนถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการสืบทอดธุรกิจของครอบครัว และเหนืออื่นใด ธนาคารยังมุ่งมั่นดูแลลูกค้าให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ในปีนี้จึงได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ายิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด “3 Gens Solution” เช่น ผลิตภัณฑ์  Home 1st Extra ที่มีจุดเด่นในด้านการคุ้มครองสินเชื่อที่อยู่อาศัย และการเตรียมความคุ้มครองไว้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่ครอบคลุมถึงค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยด้วย 44 โรคร้ายแรง  รวมทั้ง กรุงเทพประกันชีวิตยังมอบสิทธิประโยชน์ใหม่ 5 ด้าน สำหรับลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ ภายใต้ BLA Happy Life Club เพื่อส่งมอบความสุขได้ในทุกวัน ด้วยแนวคิด Elevating Your Happiness โดยมีสิทธิประโยชน์ดีๆ ในทุกไลฟ์สไตล์  โดยเฉพาะด้านสุขภาพ   บรรยากาศภายในงานคับคั่งไปด้วยลูกค้าคนพิเศษ ที่แต่ละท่านสละเวลามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญ ที่ทั้งสององค์กรใส่ใจร่วมกันจัดขึ้นภายใต้บรรยากาศอันอบอุ่น โดยมีไฮไลท์คือช่วง Special Talk “เปิดมุมมองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่กับนาย ณภัทร เสียงสมบุญ” นักแสดงมากฝีมือ ที่มาร่วมสร้างความสดใสและแลกเปลี่ยนมุมมองการใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่ รวมทั้งแชร์เรื่องราวในฐานะพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์ Gain1st มาต่อเนื่องหลายปี ทั้ง Gain1st 650  Gain1st Simple Gain1st 424 และ Gain1st 10/5 รวมทั้งยังเป็นลูกค้าตัวจริงของธนาคารกรุงเทพและกรุงเทพประกันชีวิต ซึ่งได้เลือกซื้อ Gain1st ผ่านโมบายแบงกิ้งของธนาคารกรุงเทพเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการออมด้วยเช่นกัน อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ ลูกค้ายังได้รับฟังบรรยายพิเศษในหัวข้อ “เคล็ดลับสู่ความมั่งคั่งเมื่อฮวงจุ้ยโลกเข้าสู่ยุค 9”  โดย “อาจารย์มาศ เคหาสน์ธรรม” ซินแสฮวงจุ้ยระดับโลกที่มาแนะนำเรื่องการจัดฮวงจุ้ยเพื่อความมั่งคั่งทั้งทำเลที่ตั้งบ้าน อาคารสำนักงาน หรือการจัดที่นั่งสำหรับผู้บริหาร พร้อมตอบคำถามแบบเอ็กซ์คลูซีฟ สร้างความสุขให้ทุกคนจนจบงาน   “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรุงเทพประกันชีวิตมีความใส่ใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ให้เป็นแบบประกันที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี และมีเบี้ยประกันฯ ที่เหมาะสม ภายใต้แนวคิดประกันชีวิตที่ใส่ใจและให้ความรู้สึกดี โดยธนาคารกรุงเทพมีส่วนสำคัญในการแนะนำเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการออมเงินเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคต หรือ การสนับสนุนลูกค้าสินเชื่อที่ต้องการให้ธุรกิจและสินทรัพย์นั้นยังคงอยู่กับครอบครัวและทายาทได้ และไม่เป็นภาระให้กับคนรุ่นหลัง ผมจึงขอถือโอกาสนี้ขอบคุณลูกค้าและธนาคารกรุงเทพ ที่ไว้วางใจให้กรุงเทพประกันชีวิตส่งมอบความคุ้มครองสู่ลูกค้าของธนาคารกรุงเทพทุกท่านครับ” คุณโชนกล่าว

14 May 2024

...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank จัดบริการตอบครบความต้องการเอสเอ็มอีไทย ในงาน มหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 24 (MONEY EXPO 2024 BANGKOK) ระหว่างวันที่ 16-19 พฤษภาคม 2567 ณ ชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี หมายเลขที่บูธ L8 และ K1 ยกทัพจัดเต็มโปรโมชั่น “เติมทุนคู่พัฒนา” ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ไฮไลท์ คือ สินเชื่อ SME Refinance อัตราดอกเบี้ยถูก ปีแรกคงที่ 2.99% ต่อปี เมื่อรีไฟแนนซ์มาแล้ว ขอกู้เพิ่มได้ วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ใช้ได้ทั้งลงทุน ขยาย หมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง ผ่อนสบายนานสูงสุด 15 ปี ควบคู่โปรโมชั่นด้าน “การพัฒนา” ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th) รวบรวมบริการและสิทธิประโยชน์จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา อัพสกิลเสริมศักยภาพเอสเอ็มอีไทยสู่ยุคดิจิทัล ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! กับโปรโมชั่นสุดพิเศษ สำหรับผู้ประกอบการที่ยังไม่เคยใช้บริการสินเชื่อจาก SME D Bank มาก่อน เมื่อยื่นกู้และได้รับการอนุมัติ ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป รับแคมเปญ Cash Back สูงสุด 5,000 บาท อีกทั้ง สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยทุกท่านที่ยื่นขอสินเชื่อ “จิ๋วสุดแจ๋ว” เมื่อเข้าเรียนหลักสูตรเสริมแกร่งธุรกิจผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” ได้รับสิทธิ์ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์โครงการ (Front End Fee) 1.0% ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติ นอกจากนั้น ภายในบูธยังนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ชื่อดัง เปิดโอกาสเจรจาการค้าแก่ผู้ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจแบรนด์ดัง  ไม่ว่าจะเป็น “Otteri Wash & Dry” ร้านสะดวกซักครบวงจร , “DOUBLE NOUR” ส้มตำเงินล้าน ,   “Kari Kori” ร้านน้ำแข็งไสสไตล์ญี่ปุ่น และ “โกโก้ ไอ้ต้น” ร้านโกโก้ไอเดียขายความสนุก อีกทั้ง ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลมากมาย  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357

12 May 2024

...

กบข. ลงนาม MOU ร่วมกับ องค์กรการลงทุนเพื่อบริหารทุนสำรองของบรูไนฯ หวังส่งเสริมการลงทุน โดยร่วมกันศึกษาโอกาสจัดตั้งข้อตกลงพันธมิตรการลงทุน ภายใต้กรอบร่วมมือ 2 ปี    สมเด็จพระราชาธิบดีฮาจี ฮัซซานัล บลเกียะฮ์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลง (MOU) ในการริเริ่มสร้างความร่วมมือด้านการลงทุนที่มีศักยภาพ ระหว่างกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และองค์กรการลงทุนเพื่อบริหารทุนสำรองของบรูไนดารุสซาลาม (Brunei Investment Agency : BIA) ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567 นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. และ BIA จะเป็นคู่ภาคี (Parties) ในการศึกษาโอกาสความเป็นไปได้ในการสร้างความร่วมมือเพื่อจัดตั้งข้อตกลงพันธมิตรการลงทุน (Investment Partnership Agreement) ภายใต้กฎหมาย ข้อบังคับ และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องของทั้งคู่ภาคี โดยการศึกษาร่วมกันในครั้งนี้ จะมุ่งเน้นในอุตสาหกรรมที่มีความสนใจร่วมกัน ได้แก่ อาหารและการเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค การท่องเที่ยว ธุรกิจด้านสุขภาพ ยา พลังงานทดแทน เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน มีเป้าหมายในการสร้างผลกระทบที่เป็นรูปธรรมต่อเศรษฐกิจ และสร้างความร่วมมือที่มีศักยภาพอย่างแข็งแกร่ง เพื่อผลตอบแทนที่คาดหวัง (expected return)   “กบข. และ BIA มีเป้าหมายการดำเนินงานที่สอดคล้องกัน คือ ต้องการส่งเสริมการลงทุนที่ยั่งยืน ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของทั้ง 2 องค์กร ที่จะเกิดความร่วมมือและเป็นโอกาสเชิงกลยุทธ์ เรามุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาโครงการลงทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายร่วมกัน ขับเคลื่อนผลตอบแทนและสร้างผลกระทบเชิงบวกในภูมิภาค” นายทรงพล กล่าว ทั้งนี้ MOU ฉบับนี้ มีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันนี้ (29 เม.ย. 67) มีระยะเวลา 2 ปี และจะสิ้นสุดในเดือนเมษายน 2569 อนึ่ง กบข. และ BIA ได้ร่วมมือด้านการลงทุนมาแล้ว 2 ครั้ง คือ การร่วมจัดตั้งกองทุนไทยทวีทุน 1 และกองทุนไทยทวีทุน 2 รวมมูลค่าประมาณ 260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

05 May 2024

...

ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายเร่งรัดการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน และได้สั่งการให้ธนาคารออมสินหาแนวทางในการช่วยเหลือประชาชนลดภาระการผ่อนชำระหนี้ที่มีอยู่เดิม โดยเฉพาะผู้มีหนี้ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ตลอดจนผู้ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องอันเป็นผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐ และสอดรับกับบทบาทธนาคารเพื่อสังคม ธนาคารจึงพิจารณาออกมาตรการรีไฟแนนซ์ ภายใต้โครงการ “สินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” รับรีไฟแนนซ์หนี้เดิม (ไม่ใช่การปล่อยสินเชื่อใหม่) เพื่อช่วยลดภาระแก่ลูกหนี้ 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) ลูกหนี้บัตรเครดิต 2) ลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือ Personal Loan (P-Loan) 3) ลูกหนี้สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ (Nano Finance) 4) ลูกหนี้สินเชื่อบ้าน ซึ่งการเปิดให้รีไฟแนนซ์สินเชื่อด้วยหลักเกณฑ์ดอกเบี้ยต่ำ พร้อมเงื่อนไขพิเศษอื่นครั้งนี้ ตั้งเป้าช่วยเหลือประชาชนลดภาระการชำระหนี้ ผ่อนสบายมากขึ้น หรือผู้ที่รีไฟแนนซ์แล้วแต่ประสงค์ผ่อนชำระเงินงวดเท่าเดิม ก็จะตัดเงินต้นมากขึ้นเพราะดอกเบี้ยลดลง ทำให้ปิดหนี้ได้เร็วขึ้น โดยมีรายละเอียดหลักเกณฑ์ทั้ง 4 มาตรการ ดังนี้    1. Re-Card : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้บัตรเครดิต ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไปชำระหนี้บัตรเครดิตของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น โดยการรีไฟแนนซ์/รวมหนี้บัตรเครดิตมาผ่อนชำระกับธนาคารออมสินในรูปแบบเงินกู้ระยะยาว (Long Term Loan) ช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิม 16% ต่อปี ลงเหลือ 8.99% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น) วงเงินกู้ไม่เกิน    5 เท่าของรายได้รวม สูงสุดไม่เกินรายละ 500,000 บาท และไม่ต้องมีหลักประกัน ซึ่งการรีไฟแนนซ์จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ลูกหนี้ ยกตัวอย่างกรณีเป็นหนี้บัตรเครดิต 100,000 บาท ปัจจุบันต้องจ่ายดอกเบี้ย 16% ต่อปี และผ่อนชำระขั้นต่ำ 8% ซึ่งเท่ากับ 8,000 บาทต่อเดือน เมื่อรีไฟแนนซ์มาเป็นเงินกู้ระยะยาว ธนาคารให้ผ่อนชำระได้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 8.99% ต่อปี ทำให้ลดเงินงวดเหลือ 1,700 บาทต่อเดือนเท่านั้น     2. Re P-Loan : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan : P-Loan) ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไปชำระหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล P-Loan ของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์/รวมหนี้มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิมประมาณ 25% ต่อปี ลงเหลือ 15% ต่อปี วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 100,000 บาท และไม่ต้องมีหลักประกัน ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี 3. Re-Nano : รับรีไฟแนนซ์สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อย ที่ต้องการปลดหนี้สินเชื่อ Nano Finance ที่กู้ไปเพื่อลงทุนในการประกอบอาชีพ ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์/รวมหนี้มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิม 33% ต่อปี ลงเหลือ 18% ต่อปี วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 200,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 8 ปี โดยธนาคารออมสินร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการค้ำประกันการกู้ 4. Re-Home : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไถ่ถอนจำนองที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินอื่น วงเงินกู้ 1-5 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยตามสัญญาเดิมที่ประมาณ 6 - 7% ต่อปี ลงเหลือ 1.95% ในปีที่ 1 (ปีที่ 2 = 2.95% ปีที่ 3 = 3.95%) คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี พร้อมเงื่อนไขผ่อนต่ำ ปีที่ 1 ผ่อนชำระเงินงวดล้านละ 3,000 บาท/เดือน ปีที่ 2 ล้านละ 4,000 บาท/เดือน และปีที่ 3 ล้านละ 5,000 บาท/เดือน อนึ่ง ธนาคารสนับสนุนนโยบายรัฐในการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนของประชาชน ให้สามารถมีเงินเหลือใช้สอยดำรงชีพโดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ รวมถึงส่งเสริมการปลูกฝังทัศนคติการกู้เงินเท่าที่จำเป็นและผ่อนไหว ทั้งนี้ มาตรการสินเชื่อรีไฟแนนซ์ “โครงการสินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เปิดให้ยื่นขอกู้ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 และจัดทำนิติกรรมสัญญาภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567  

21 Apr 2024

Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner